man wearing white top using MacBook

เคยไหม? ทุ่มเทกับงานมาก เพราะอยากให้บริษัทและเจ้านายรักคุณ แต่พอหันมาดูอีกทีความสุขกลับน้อยลง และเหมือนกำลังทำให้บางสิ่งบางอย่างหล่นหายไปจากชีวิต เลยเป็นเหตุผลที่คุณควรหันกลับมาทำความรู้จัก work life balance คืออะไร และเหตุผลที่คุณไม่ควรทุ่มเทงานหนักเพื่อบริษัทมากเกินไป แล้วคุณจะกลายเป็นอีกคนที่มีความสุขท่ามกลางกองงานที่คุณกำลังทำในปัจจุบันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทำความรู้จัก work life balance คืออะไร

เชื่อว่า มีชาวออฟฟิศหลายคนที่ยังไม่รู้จัก work life balance คืออะไร หรือรู้จักชื่อเรียก แต่ยังไม่เข้าใจทำให้ปรับสมดุลชีวิตไม่ได้ เพราะงั้นมาทำความเข้าใจกับคำว่า work life balance คืออะไรกันก่อนดีกว่า

work life balance คือ การปรับสมดุลชีวิตระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน ไม่มองว่างานสำคัญที่สุดแล้วเผลอทุ่มเทกับงานจนไม่มีเวลาให้ตัวเองหรือทำความสุขในชีวิตหล่นหายไป เพราะทุกคนทุกเพศทุกวัยต้องการเวลาและพื้นที่ส่วนตัวให้กับสิ่งที่ตนปรารถนา เช่น ได้ทำกิจกรรมยามว่างตามที่ต้องการ ได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ฯลฯ พูดง่าย ๆ ก็คือ การหาจุดพอดีให้ตัวเองแยกระหว่าง ‘งาน’ กับ ‘เรื่องส่วนตัว หรือ ที่บ้าน’ ได้อย่างเหมาะสม

4 เหตุผลที่คุณไม่ควรทุ่มเทงานหนักเพื่อบริษัทมากเกินไป

หลังทำความรู้จักกับคำว่า work life balance คืออะไรกันมาบ้างแล้ว มาดูกันต่อดีกว่าว่า ทำไมคุณถึงไม่ควรทุ่มเทงานหนักเพื่อบริษัทมากเกินไปและปรับให้ชีวิตมีสมดุลบ้าง

  1. ทุ่มมากเกินไปยิ่งหมดไฟเร็ว

เวลาที่คุณทำงานต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจเป็นจำนวนมหาศาล หากชีวิตไม่เข้าใจ work life balance คืออะไรหรือไม่เคยปรับสมดุลชีวิตจนเผลอทุ่มเทกับงานหนักเพื่อบริษัทมากเกินไปก็จะทำให้พบเจอกับภาวะหมดไฟ หรือเบิร์นเอาท์ซินโดรมเร็วขึ้น ซึ่งอาการหมดไฟจะทำให้คุณหมดความสุขในการทำงานและต้องใช้ความพยายามมหาศาลกว่าจะผ่านไปแต่ละวันได้

  1. ความเครียดติดมาถึงที่บ้าน

จากที่เคยเครียดกับงานเวลาอยู่ที่ออฟฟิศ ถ้าคุณยังไม่สามารถเข้าใจ work life balance คืออะไรได้ ต่อไปความหมกมุ่นในงานและความเครียดจะตามหลอกหลอนชีวิตจนไปขัดขวางให้คุณไม่มีความสุข แม้จะมีเวลาหรือพื้นที่ส่วนตัวก็จะคิดถึงแต่ งาน! งาน! งาน! และก็งาน! น่ากลัวยิ่งกว่าผีไหมล่ะ

  1. ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างย่ำแย่

ความคิดของคนส่งผลถึงการสื่อสารกับคนรอบช้าง ไม่เชื่อลองเทียบระหว่างคนที่ปรับตัวตาม work life balance ได้กับคนที่หมกมุ่นอยู่กับงาน เรื่องที่มาสื่อสารไปจนถึงอารมณ์ระหว่างการสื่อสารจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จากที่ไม่ค่อยได้มีเวลาให้คนรอบข้าง ยิ่งเจอการสื่อสารชวนสร้างบรรยากาศอึมครึมยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคนรอบข้างยิ่งแย่ไปกันใหญ่

  1. สุขภาพกายและใจไม่แข็งแรง

อีกเรื่องที่พอจะเห็นได้ชัดจากคนที่ทุ่มเทกับงานจนเกินไปก็คือ สุขภาพกายและใจ ‘พัง’ สารพัดโรคพร้อมจะถาโถมเข้าหาคนบ้างานเรื่อย ๆ แบบไม่ขาดสาย ทั้งออฟฟิศซินโดรม เบาหวาน ความดัน กระดูกทับเส้นประสาท ซึมเศร้า ฯลฯ นอกจากต้องทำความเข้าใจว่า work life balance คืออะไรแล้ว ยังต้องท่องไว้ในใจด้วยว่า ‘ชีวิตและสุขภาพคุณซื้อไม่ได้ แต่บริษัทเลือกจ้างพนักงานใหม่ได้ ไม่มีบริษัทไหนที่รักคุณในยามคุณทำงานให้เขาไม่ไหว’

เพราะงั้นอย่าลืมรักตัวเองให้มากกว่าที่รักบริษัท และลองกลับมาทำความเข้าใจกับคำว่า work life balance คืออะไรให้มากขึ้น แล้วคุณจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขทั้งโลกการทำงานและโลกส่วนตัวมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ประกันชีวิตวัยเกษียณ จาก RABBIT CARE ซึ่งเป็นประกันชีวิตรูปแบบบำนาญตอบโจทย์วัยทำงานจนถึงวัยใกล้เกษียณ พร้อมแคร์เรื่องเงินให้คุณอุ่นใจถึงอายุ 90 ปี มีมรดกให้ลูกหลานสูงสุดกว่า 450,000 บาท ไม่ต้องกลัวบริษัทไม่แคร์ เพราะยังมีแรบบิท แคร์ที่พร้อมแคร์คุณ สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของ ‘ประกันชีวิตวัยเกษียณ’ คลิกที่นี่!

work life balance คืออะไร และเหตุผลที่คุณไม่ควรทุ่มเทงานหนักเพื่อบริษัทมากเกินไป